ธุรกิจการให้บริการทางการเงินกำลังเปลี่ยนแปลง และก็ถูกก่อกวนเหมือนที่เกิดขึ้นในธุรกิจอื่นจาก
- การเกิดขึ้นของ FinTech (บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บริการทางการเงิน)
- ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
- ผู้ให้บริการการเงินแบบเดิม ๆ เช่น ธนาคาร ที่มักจะเปลี่ยนแปลงช้า ๆ แต่ก็กำลังตื่นตัว
- ลูกค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
- ระบบการจ่ายเงิน แต่ก็ถูกกีดขวางจากนวัตกรรมสุดโต่ง
- การค้าขายที่ตลาดมีสภาพคล้ายกับ b2b ในช่วงปี 2000/2001
ความเปลี่ยนแปลง คือแก่นแท้ของความเป็นองค์กร
- GE ซื้อและขายกิจการ ปฏิรูป แปลงผัน และยังคงเปลี่ยนแปลงทุกวัน
- Accenture เปลี่ยนแปลงจากการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ ไปสู่การบริหารความเสี่ยงของสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งก็แน่นอนที่จะต้องมีรากฐานเป็นระบบดิจิตอล
- เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้ม ใช้มันให้ถูกทิศทาง และเร็วกว่าคนอื่น ๆ ในตลาด
- องค์กร มี DNA ของการเปลี่ยนแปลงอยู่หรือไม่ หรือมันไม่เคยเปลี่ยน
- การเปลี่ยนแปลงจาก Newton PDA ไปเป็น iPad ไปจนถึง iPhone – ทั้งหมดเป็นเรื่อง Speed และ DNA
ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ และความจำเป็น:
- Samsung มีข้อจำกัดในนวัตกรรม เพราะใช้ระบบปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับ Android
- Microsoft ต้องแจก Windows 10 อย่างไม่มีทางเลือก เพราะเขาต้องการ “platform” ใหม่เพื่อขายแอพพลิเคชั่น และสื่อต่าง ๆ รวมไปถึงบริการ Cloud (MS Office และที่จัดเก็บข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เป็นต้น)
- ธนาคาร มักจะบอกว่า “เรามาพัฒนาระบบ Symbian ที่ดีขึ้นกันเถอะ” ในขณะที่ลูกค้าอยากได้บริการแบบ Amazon.com
- มีลูกค้า และธุรกิจใหม่เข้ามาทุกวัน
- มีคุณลักษณะใหม่ ๆ และสินค้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
- เราต้องปรับเปลี่ยนไปตามที่ลูกค้าต้องการ
ยังมีอีกหลายองค์กรที่ยังไม่ใส่ใจระบบงาน ZERO TOUCH (ระบบที่สั่งงานได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม) และ MODERN PLATFORMS (ที่จะช่วยเชื่อมโยงสื่อต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ)
Platforms คือ DNA ของธุรกิจดิจิตอล
- Platform ก็คล้าย ๆ กับ “ระบบปฏิบัติการอย่าง MacOS หรือ Windows” ของบริษัท มันเป็นกรอบที่เราใช้พัฒนา Application ที่จะช่วยให้การติดตั้งหรือเพิ่มเติมระบบใหม่ ๆ คุณลักษณะใหม่ ๆ และการใช้งานใหม่ ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
- มันเป็นเรื่องที่ธุรกิจดิจิตอลต้องวัดดวง และเพราะคุณต้องมีรูปแบบของธุรกิจและระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมด้านเทคนิค (Technical Architecture) จะเป็นตัวผลักดัน Platform ของ application แกนกลาง ที่จะเอื้อให้องค์กรมีสมรรถนะที่จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอย่างมีกลยุทธ์
- ศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานของ AWS มี platform ที่เอื้อให้ AWS สามารถแยกงาน Orchestration (การประสานงานกันระหว่างเว็บเซอร์วิส ที่มีตัวประสานงานกลางเป็นผู้ควบคุม) Integration (การทำงานร่วมกัน) และ Data Management (การบริหารจัดการข้อมูล) ได้ โดยยังคงมีการปรับเปลี่ยนเป็นรายวัน
- Facebook ใช้จุดแข็งด้าน core messaging ใช้ big data และใช้เทคโนโลยีแบบใช้งานร่วม ทำให้ FB สร้างคุณลักษณะการทำงานที่เหมาะกับผู้ใช้งานหนึ่งพันห้าร้อยล้านคน และเข้าถึงผู้ใช้งานที่เข้าระบบวันละหนึ่งพันล้านคนได้อย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน
- Platform ทำให้ Apple พัฒนา iCloud, iTunes และนำเสนอคุณลักษณะการทำงานใหม่ ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเป็นรายวัน
- ธนาคาร ก็ทำอย่างเดียวกันได้ถ้าใช้ platform แบบ Cross channel
- นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องต้นทุนครับ Platform ใหญ่ ๆ ก็เริ่มจากโครงการเล็ก ๆ (เช่น การใช้ middleware, ข้อมูล, การบริการ และมาตรฐาน) กับการลงทุนที่ไม่นานนัก
องค์กร มักจะโยนความรับผิดชอบนี้ไปให้ผู้ให้บริการภายนอก! ซึ่งจะกลายเป็นการจำกัดศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลง และสร้างสรรค์ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณาอย่างรอบคอบ
ผู้ขาย อาจจะไม่ได้ใส่ใจกับการพัฒนา platform ของตัวเอง ไม่ได้ปรับปรุงรูปแบบของธุรกิจ หรือในหลายกรณีก็ไม่ได้ปรับปรุงแม้กระทั่งทักษะของตัวเอง
ตัวอย่างที่ดีของ platform แกน ของธนาคาร ได้แก่ http://www.mambu.com
ที่ปรึกษาและผู้ให้บริการจัดทำระบบกำลังกลายเป็นบริการแบบสาธารณูปโภค แต่เราอยู่ในยุคที่ต้องการบริการแบบเฉพาะตัว ซึ่งธุรกิจ 2 อย่าง ที่กำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งเหยิงนี้ก็คือ ธนาคาร และ สำนักงานที่ปรึกษาทางวิชาชีพ
แล้วองค์กรมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร? ก็ซื้อ หรือไม่ก็ Outsource ไม่ก็ทำรายการโครงการเกี่ยวกับดิจิตอลยาวเป็นหางว่าว สุดท้ายก็ขอเพิ่มหน่วยความจำ
ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใน DNA เลย!
แต่โลกใหม่ก็จะล้นขึ้นมาจนกองท่วมโต๊ะ จนเราไม่สามารถจะอยู่ในรูปแบบเก่า ๆ ได้!
แม้แต่ธุรกิจเกิดใหม่ก็ยังต้องเรียนรู้ที่จะทำงานกับพนักงานมากกว่า 50 คน!
แล้วบริษัทจะทำอย่างไร?
ได้เวลายกครื่อง
กำหนดยุทธศาสตร์
- ธุรกิจ – กลยุทธ์ แนวทาง และรูปแบบ
- เทคโนโลยี – แผนกลยุทธ์ การออกแบบ และชนิดของเทคโนโลยี
- รูปแบบการดำเนินการ – องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มีตัวชี้วัด มีการแบ่งงานเป็น iteration
- สมรรถนะของบุคคลากร – ทักษะที่มีและที่ต้องมี และต้องมีการวางแผนเพื่อการเติบโต และเปลี่ยนแปลง (ไม่ใช่จ้างมาแล้วไล่ออก!)
วิธีการ:
- เริ่มลองอย่างรวดเร็ว
- ล้มให้เร็ว
- ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ โดยผู้ที่เป็นเจ้าของงาน = Zero Touch!
- ต้องมีเจ้าภาพ
- ใช้ผู้ให้บริการ Cloud
- องค์กรต้องเปลี่ยนแปลง
- จากการทำงานตาม work flow เป็นงานสนับสนุนการจัดการข้อมูล
ยุทธศาสตร์ของข้อมูล
- ช่องทางที่คล่องตัว และแตกต่างเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ
- เอื้อต่อการทำธุรกิจ
- ใช้ API เป็นรูปแบบในการทำธุรกิจ (API: Application Program Interface เป็นวิธีการเชื่อมต่อการทำงานระหว่างแอพพลิเคชั่นกับระบบปฏิบัติการ)
- การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทั้งภายนอกและภายใน เป็นรากฐานที่ช่วยให้เข้าใจลูกค้าและเข้าใจตัวองค์กรเอง
- ใช้ Data lake (ที่รวบรวมข้อมูลขององค์กรในรูปแบบดั้งเดิม)
- ออกแบบสถาปัตยกรรมของข้อมูล (มาตรฐานการจัดเก็บข้อมูล) แบบ real-time
- ใช้ระบบ Intelligent automation
- เปิดให้พนักงานได้สืบค้นข้อมูล และสนับสนุนให้มีการตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลมากกว่าการทำไปตามขั้นตอนที่กำหนดล่วงหน้า
- ให้ความสนับสนุนพนักงานด้วยเครื่องมือ และการฝึกอบรม
- เดินหน้าส่งเสริมการตัดสินใจที่อ้างอิงข้อมูลมากกว่าการทำตามลำดับขั้น
แนวทางหลักเกี่ยวกับข้อมูล:
- การทำธุรกิจ โดยเรียนรู้ที่จะพูดกันด้วยข้อมูล และ BI หรือ Business Intelligence (เทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ วิเคราะห์ เพื่อช่วยการตัดสินใจทางธุรกิจ)
- การกำกับดูแลฐานข้อมูล
- Functional Service SOA (v3) และยุทธศาสตร์เกี่ยวกับAPI ของผู้ให้บริการภายนอก
- การวิเคราะห์ ก็เป็นบริการ
- ยุทธศาสตร์ Big Data การใช้ Data Lake
- ข้อมูลเล็ก ๆ – เปลี่ยน RDBMS หรือ EDW ออกแบบสถาปัตยกรรมข้อมูล โดยคำนึงถึง data lake
- การรับข้อมูล : แบบ Real Time แบบ Stream และแบบอื่นๆ ที่เป็นกลวิธี
- เลิกทำงานแบบ batches เพราะมันทำให้ต้องมีการทำงานซ้ำซ้อนในระบบ
- ให้ความสนใจกับเครื่องมือน้อยอย่าง แต่ทำงานได้ดี เช่น kafka, ElasticSearch, Spark, Hive, Hbase / mongodb…และที่กำลังตามมา เช่น : nifi, prestro.io
- แบ่งปันแนวทางการทำงาน และพัฒนาทักษะของคนทำงาน เพื่อให้เกิดเป็นทักษะที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
สร้างระบบอัตโนมัติ
- กรอบการทำงานของการรับข้อมูล (Ingestion framework)
- กำหนด ESB Link เพื่อสนับสนุนให้องค์ประกอบต่าง ๆในระบบงานเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- กำหนด Metadata framework เพื่อระบุกรอบของข้อมูลที่อธิบายข้อมูลหลัก
- ใช้ JSON หรือ Java Script Object Notation เพื่อให้แลกเปลี่ยน การเข้าถึง และจัดเก็บข้อมูลกับ Server เป็นไปได้ง่าย
ทำความเข้าใจรูปแบบข้อมูล
- ตามนั้นจริง ๆ! ทำความเข้าใจ
- รูปแบบของข้อมูลในปัจจุบัน
- รูปแบบของข้อมูลในอนาคต
- กฎระเบียบของข้อมูล (Canonicals)
- ระดับปกติของข้อมูล – ใช้เวลานาน
องค์กร
- สิ่งที่เราต้องการในอนาคต? เทคโนโลยี การกำกับดูแล และการตลาด? มีใครอีก? งานในอนาคตจะเป็นอย่างไร?
- ทีมเทคโนโลยีที่เล็กลง แต่มีทักษะลึกขึ้น
- นักวิเคราะห์ข้อมูล ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางธุรกิจ และผู้พัฒนาระบงานเพื่อการวิเคราะห์
- IT คือการทำธุรกิจ ไม่ใช่คนรับคำสั่ง
การเงิน
- ต้นทุนของเทคโนโลยี เปรียบเทียบกับรายได้
- ค่าใช้จ่ายที่เลือกได้ (เพิ่ม) เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายภาคบังคับ (ลด)
Self Plug หรือสิ่งที่คุณต้องมีอย่างด่วน ก่อนจะออกเดินทาง
- สถาปัตยกรรม – กำหนดและบริหารจัดการยุทธศาสตร์
- มีสํานึกต่อความเร่งด่วน เรื่องนี้ต้องคิดเป็นวันไม่ใช่เป็นสัปดาห์!
ความเห็นส่วนตัว!
You must be logged in to post a comment.